เจาะลึก กระจกกันกระสุน เกราะใสที่ให้ความปลอดภัยเหนือระดับ

เจาะลึก "กระจกกันกระสุน" เกราะใสที่ให้ความปลอดภัยเหนือระดับ

เมื่อพูดถึงความปลอดภัย การป้องกันการโจมตีจากอาวุธปืนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับสถานที่หรือยานพาหนะที่ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ หนึ่งในนวัตกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดีคือ
กระจกกันกระสุน (
Bulletproof Glass) หรือที่รู้จักกันในชื่อ กระจกกันกระสุนปืน (Ballistic Glass), เกราะโปร่งใส (Transparent Armor) หรือ กระจกทนกระสุน (Bullet-Resistant Glass)
กระจกกันกระสุน เป็นวัสดุที่แข็งแกร่งและโปร่งใส โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อการเจาะทะลุของกระสุนปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะไม่มี กระจก ใดที่กันกระสุนได้ 100% ก็ตาม
โครงสร้างและการทำงาน: ความลับเบื้องหลังความแข็งแกร่งของกระจก
หัวใจสำคัญของ กระจกกันกระสุน อยู่ที่โครงสร้างแบบ ลามิเนต (Laminated Glass) ซึ่งเป็นการนำ กระจก หลายชั้นมาประกบกัน โดยปกติจะประกอบด้วย กระจก สองชนิดขึ้นไป:
ชนิดหนึ่งแข็ง และอีกชนิดหนึ่งนุ่มกว่า
  • ชั้นที่แข็งกว่า (Hard Layer): ทำหน้าที่บีบอัดและทำให้หัวกระสุนแบนราบลง
  • ชั้นที่นุ่มกว่า (Soft Layer): มีคุณสมบัติยืดหยุ่น ช่วยดูดซับพลังงานที่เหลือจากการกระแทกและป้องกันการเจาะทะลุ ทำให้ กระจก งอได้แทนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
     
วัสดุที่ใช้เชื่อมชั้น กระจก เข้าด้วยกันมักจะเป็น โพลีไวนิลบิวทิรัล (Polyvinyl Butyral - PVB), โพลียูรีเทน (Polyurethane), เซนทรีกลาส (Sentryglas) หรือเอทิลีน-ไวนิลอะซิเตท (Ethylene-Vinyl Acetate - EVA)
นอกจากนี้ ในบางดีไซน์ โดยเฉพาะที่ต้องการลดน้ำหนัก อาจมีการผนึก โพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) ซึ่งเป็นพลาสติกเทอร์โมพลาสติกชนิดหนึ่งไว้ที่ด้านใน (ด้านปลอดภัย) เพื่อช่วยหยุดเศษสะเก็ด (spall)
ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อถูกกระแทก โพลีคาร์บอเนต นี้สามารถหยุดกระสุนได้โดยที่ความสามารถในการหยุดกระสุนจะแปรผันตามความหนาของมัน
เพื่อให้ กระจก ยังคงความโปร่งใสและมองผ่านได้ชัดเจน ค่าดัชนีหักเหของแสง (Index of Refraction) ของ กระจก ทุกชั้นที่นำมาใช้ต้องใกล้เคียงกันมากที่สุด ความหนาของ กระจกกันกระสุน
โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 19 ถึง 89 มิลลิเมตร (0.75 ถึง 3.5 นิ้ว)

การใช้งาน: มิติใหม่แห่งความปลอดภัยจากกระจกกันกระสุน
กระจกกันกระสุน ถูกนำมาใช้ในหลายสถานการณ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น:
  • อาคาร: หน้าต่าง ของร้านขายเครื่องประดับ, สถานทูต, หรืออาคารราชการที่ต้องการการป้องกันพิเศษ
  • ยานพาหนะ: ทั้งยานพาหนะทางทหารและยานพาหนะส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง

มาตรฐานการทดสอบ: การพิสูจน์ประสิทธิภาพของกระจกนิรภัย
การทดสอบ กระจก กันกระสุนจะทำโดยการใช้ปืนยิงกระสุนจากระยะที่กำหนดเข้าสู่แผ่น กระจก ในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจง ระดับการป้องกันจะขึ้นอยู่กับความสามารถของ กระจก ในการหยุดกระสุนประเภทต่างๆ ที่ความเร็วเฉพาะเจาะจง
ข้อมูลเกี่ยวกับความหนาและน้ำหนักของ กระจก กันกระสุนที่แตกต่างกันไปตามระดับการป้องกัน (เช่น ตามมาตรฐาน UL 752) แสดงให้เห็นว่ายิ่ง กระจก หนาและหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งให้การป้องกันที่สูงขึ้นเท่านั้น

ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม: สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพื่อยืดอายุกระจกกันกระสุน
คุณสมบัติของ กระจกกันกระสุน สามารถได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิ และการสัมผัสกับสารละลายหรือรังสี UV (โดยเฉพาะจากแสงแดด) เมื่อเวลาผ่านไป ชั้น โพลีคาร์บอเนต อาจเปราะบางขึ้นได้
นอกจากนี้ การกระแทกจากกระสุนที่อุณหภูมิต่ำกว่า -7 องศาเซลเซียส อาจทำให้เกิดเศษสะเก็ด (spall) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของ โพลีคาร์บอเนต ที่แตกออกและกลายเป็นวัตถุอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะว่าการเพิ่มชั้น โพลีคาร์บอเนต อีกชั้นด้านในอาจช่วยต้านทานการเจาะทะลุของเศษสะเก็ดเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความก้าวหน้าในศตวรรษที่ 21: อนาคตของกระจกนิรภัยขั้นสูง
ในช่วงทศวรรษ 2000 มีความก้าวหน้าอย่างมากในการพัฒนา กระจกกันกระสุน:
  • อะลูมิเนียมออกซินิไตรด์ (ALON): ในปี 2005 นักวิจัยทางทหารของสหรัฐฯ ได้พัฒนา กระจก กันกระสุนที่ใช้ ALON เป็นชั้นนอกสุด "แผ่นกันกระแทก" ซึ่ง ALON มีน้ำหนักเบากว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่า กระจก/โพลีเมอร์ลามิเนต แบบดั้งเดิมอย่างมาก โดยสามารถป้องกันกระสุน .50 BMG ได้โดยมีความหนาน้อยกว่าถึง 2.3 เท่า
  • เซรามิกสปิเนล (Spinel Ceramics): เซรามิก บางชนิดก็สามารถนำมาใช้สำหรับ เกราะโปร่งใส ได้ เนื่องจากมีความหนาแน่นและความแข็งที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ กระจก แบบดั้งเดิม ทำให้สามารถสร้างเกราะที่บางลงแต่ยังคงความสามารถในการหยุดกระสุนเทียบเท่ากับ กระจกลามิเนต แบบดั้งเดิม
กระจกกันกระสุน ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อนและท้าทายมากขึ้นในโลกปัจจุบัน